3) ทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง (Constructivism)
1. ทิศนา แขมมณี (2553:93) กล่าวว่า การช่วยเหลือชี้แนะแก่ เด็ก ซึ่งอยู่ในลักษณะของ “assisted learning” หรือ “scaffolding” เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะสามารถช่วยพัฒนาเด็กให้ไปถึงระดับที่อยู่ในศักยภาพของเด็กได้ นักจิตวิทยากลุ่มนี้เน้นความสำคัญของบริบทที่แท้จริง ดังนั้น การเรียนรู้จึงจำเป็นต้องดำเนินการอยู่ในบริบทใดบริบทหนึ่ง และกิจกรรมและงานทั้งหลายที่ใช้ในการเรียนรู้ก็จำเป็นต้องเป็นสิ่งจริง
2. พรรณี ชูทัย (2522:54) กล่าวว่า เป้าหมายของพัฒนานั้น คือ
1. ความสามารถที่จะคิดอย่างมีเหตุผลกับสิ่งที่เป็นนามธรรม
2. ความสามารถที่จะคิดตั้งสมมุติฐานอย่างสมเหตุสมผล
3. ความสามารถที่จะตั้งกฎเกณฑ์และการแก้ปัญหา
เรียกความสามารถของการใช้สมองในระดับนี้ว่า Operation สติปัญญาซึ่งแต่ละคนมีอยู่นั้นอยู่ในลักษณะที่เรียกว่า Organization และ Adaptation
Organization เป็นการจัดภายในโดยวิธีรวมกระบวนการต่างๆเข้าเป็นระบบอย่างติดต่อกันเป็นเรื่องเป็นราว เช่น เด็กเล็กเห็นของแล้วคว้า ซึ่งประกอบด้วย 2 กระบวนการ คือ เห็น คว้า การที่เด็กสามารถทำกิจกรรม 2 อย่าง ได้ในเวลาเดียวกัน เรียกว่า เป็นการรวมกระบวนการเข้าเป็นระบบ
Adaptation หมายถึง การเปลี่ยนแปลงปรับปรุงเป็นแนวโน้มที่มีมาแต่กำเนิด การที่คนมีการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงเนื่องจากการที่มี Interaction กับสิ่งแวดล้อม ซึ่งการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงนี้ประกอบด้วย 2 กระบวนการ คือ Assimilation และ Accommodation ผลจากการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงจะก่อให้เกิดพัฒนาการทาง สติปัญญาจากขั้นหนึ่งไปสู่อีกขั้นหนึ่ง จนในที่สุดถึงขั้นเรียกว่า Operation ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของพัฒนาการทางสติปัญญา
3. เดชกุล มัทวานุกูล ( http://graduate2.srru.ac.th/curr2555/data/research_1331615915_new.pdf ) ได้รวบรวมไว้ว่า “ผู้เรียนจะให้ความใส่ใจเฉพาะสิ่งที่เขามีความคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้นอยู่แล้ว และจะละเลยที่จะให้ความสนใจกับเรื่องอื่น” นั่นคือ การที่คน คาดหวังที่จะเห็น หรือได้ยินในสิ่งที่ต้องการจะเห็น หรือต้องการจะได้ยิน เช่น การที่นักเรียนบางคนนั่งเหม่อลอย หรือฝันกลางวัน หรือทาอะไรที่ไร้สาระ ตลอดจนการนั่งเขียนจดหมายแทนการตั้งใจฟังคาบรรยายของครู ทั้งนี้เพราะนักเรียนมีความคาดหวังว่าจะได้รับฟังสิ่งที่มีคุณค่าน้อยจากครู จึงหันไปสนใจทาอย่างอื่นแทน ลักษณะการคาดหวังนี้จะมีผลต่อการแสดงพฤติกรรมในระยะยาว เช่น ถ้าใครคนใดคนหนึ่งขอให้คุณอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับไวยากรณ์อังกฤษ คุณก็อาจจะนึกถึงความน่าเบื่อหน่ายที่เคยเรียนมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรูปประโยค หรือกฎไวยากรณ์ ถ้าคุณเคยมีประสบการณ์เช่นนี้ คุณก็จะไม่อยากอ่านหรือไม่ก็อ่านอย่างลวก ๆ
สรุป ทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเองเป็นทฤษฏีที่ให้ความสำคัญกับกระบวนการและวิธีการของบุคคลในการสร้างความรู้ความเข้าใจจากประสบการณ์ รวมทั้งโครงสร้างทางปัญญาและความเชื่อที่ใช้ในการแปลความหมายเหตุการณ์และสิ่งต่างๆ ซึ่งเป็นกระบวนการการเรียนรู้ที่เน้นให้ผู้เรียนผู้สร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง เพราะความรู้ไม่ใช่มาจากการสอนของครูหรือผู้สอนเพียงอย่างเดียว แต่ความรู้จะเกิดขึ้นและถูกสร้างขึ้นโดยผู้เรียนเองและการเรียนรู้จะเกิดขึ้นได้ดีก็ต่อเมื่อผู้เรียนได้ลงมือกระทำด้วยตนเอง นอกจากกระบวนการเรียนรู้จะเป็นกระบวนการปฏิสัมพันธ์ภายในสมองแล้ว ยังเป็นกระบวนการทางสังคมด้วย การสร้างความรู้จึงเป็นกระบวนการทั้งด้านสติปัญญาและสังคมควบคู่กันไป
ที่มา:
ทิศนา แขมมณี.(2553).ศาสตร์การสอน: องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ.กรุงเทพฯ:สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
พรรณี ชูทัย.(2522).จิตวิทยาการเรียนการสอน.
ดร.เดชกุล มัทวานุกูล. การนาทฤษฎีประมวลสารสนเทศมาประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนรู้.[ออนไลน์] : http://graduate2.srru.ac.th/curr2555/data/research_1331615915_new.pdf เข้าถึงเมื่อ 8 กรกฎาคม 2555
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น